SP KaiHun


ครั้งหนึ่งในชีวิต เราทุกคนต้องมีวันที่รอคอยอยู่ไม่กี่วัน หนึ่งในนั้นคือ วันแต่งงาน วันนี้คือวันพิเศษของผมกับจงอิน วันที่ฟ้าและผู้คนรอบข้างจะเป็นพยานในความรักของเราสองคน สูทสีครีมถูกสวมทับเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ผ่านการรีดจนเรียบ ผมมองสำรวจในกระจกเงาที่สะท้อนอยู่ ภาพผู้ชายตัวสูง เจ้าของผิวขาวเนียนและใบหน้าเรียวยาวที่สวยประดุจผู้หญิง กำลังยืนยิ้มอยู่คนเดียวอย่างมีความสุข ผมกับจงอินเลือกจัดงานกันที่โบสถ์เล็กๆ นอกตัวเมือง และเชิญเฉพาะคนที่สนิทเท่านั้น เพราะอยากให้พิธีทุกอย่างเงียบที่สุด สี่ปีแล้วหลังจากที่ผมหมั้นกับจงอิน ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราต่างยุ่งกับการเตรียมตัวเองให้พร้อม จนแทบจะไม่มีเวลาให้กัน แต่พวกเราก็ไม่เคยทะเลาะกันเลย
ตึ่ง~ เสียงนาฬิกาเตือนว่าถึงเวลาพิธีดังขึ้น ผมหันไปมองที่ประตูก็พบว่าพ่อเปิดประตูเข้ามาพอดี เราสองคนยิ้มให้กัน ผู้เป็นพ่อเดินเข้ามาจับมือที่เย็นเฉียบของผมไว้มั่น ความอบอุ่นไหลผ่านมือเหี่ยวที่คอยปลอบประโลมผมยามเศร้าใจ
"ตื่นเต้นไหมลูก" ท่านถาม น้ำสียงท่านยังคงอ่อนโยนเสมอ
"นิดหน่อยครับ"
"ไม่ต้องตื่นเต้นนะ พ่อจะอยู่กับลูกเอง" ผมพยักหน้ารับ เราสองคนเดินออกมานอกห้องเพื่อไปยังห้องทำพิธีที่ ผมบีบมือที่จับกับพ่อแน่น รู้สึกประหม่าไปหมด ผมมองคยองซูที่นั่งอยู่ข้างชานยอล รอยยิ้มให้กำลังใจจากเพื่อนสนิทเพียงคนเดียว ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาอย่างประหลาด ผมและพ่อหยุดลงเมื่อเดินมาถึงจงอิน มือของผมถูกปล่อยออกก่อนจะมีอีกมือมาจับไว้แทน จงอินพาผมเดินไปยังแท่นทำพิธีที่มีศิษยาภิบาลยืนอยู่ เราสองคนเลือกทำพิธีแต่งงานแบบคริสเตียน ที่โบสถ์เล็กๆ นอกตัวเมือง พิธีถูกจัดแบบเรียบง่ายและเงียบที่สุด ทุกคนที่มาจึงมีเพียงคนรู้จักที่สนิทเท่านั้น พิธีทุกอย่างผ่านไปด้วยดี จนถึงพิธีแลกแหวน
"เชิญเจ้าบ่าวกล่าวคำปฏิญาณ" ศิษยาภิบาลบอก จงอินพยักหน้าพร้อมกับหันไปรับแหวนมาถือไว้
"ข้าพเจ้า นายคิมจงอิน ขอสัญญาว่าจะรับนายโอเซฮุนเป็นภรรยาของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะรักและดูแลนายโอเซฮุนให้ดีที่สุด จะซื่อสัตย์ ไม่ทอดทิ้งไปไหน แม้ในยามมีหรือยามยาก ยามทุกข์หรือสุขสม ข้าพเจ้าสัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างนายโอเซฮุนตลอดไป" แหวนสีเงินที่ประดับด้วยเพชรน้ำดีถูกสวมเข้าที่นิ้วนางข้างซ้ายของผม น้ำตาที่ผมพยายามกลั้นไว้ก็ร่วงอย่างห้ามไม่อยู่ จงอินเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้ ผมหยิบตอบกลับไปก่อนจะหันหลังไปหยิบแหวนของตัวเองมาสวมเข้าที่นิ้วของจงอิน
            “ข้าพเจ้า นายโอเซฮุน ขอสัญญาว่าจะรับนายคิมจงอินเป็นสามีของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะรักและดูแลนายคิมจงอินให้ดีที่สุด จะซื่อสัตย์ ไม่ทอดทิ้งไปไหน แม้ในยามมีหรือยามยาก ยามทุกข์หรือสุขสม ข้าพเจ้าสัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างนายคิมจงอินตลอดไป” สิ้นคำปฏิญาณจงอินค่อยๆ โน้มลงมา สัมผัสจากจุมพิตในวันนี้หวานละมุนกว่าครั้งไหนๆ สี่ปีแห่งการรอคอย วันที่เราสองคนจะได้ร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างถูกต้อง  จงอินผละริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง แววตาแสนอบอุ่นเต็มไปด้วยความรักที่มอบให้กัน
            “ข้าพเจ้าในฐานะศิษยาภิบาลผู้ทำพิธี ขอยืนยันว่านายคิมจงอินและนายโอเซฮุนเป็นสามี ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย และตามพระประสงค์ที่พระเจ้าได้กำหนดไว้” เสียงปรบมือดังขึ้นทันทีที่ศิษยาภิบาลกล่าวจบ แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา เหล่าแขกที่มาร่วมงานเริ่มทะยอยกันกลับเพราะเป็นเวลาดึกมากแล้ว ผมเดินไปหาคยองซูที่นั่งอยู่กับชานยอล และพ่อของคยองซูที่กำลังจะกลายเป็นคุณตาในเร็วๆ นี้ คยองซูในชุดคลุมท้องทำท่าจะลุกขึ้นเมื่อผมเดินไปใกล้ ผมจึงรีบวิ่งเข้าไปห้ามเพราะท่าทางที่ลำบากนั่น
            “ไม่เป็นไรคยองซู ไม่ต้องลุกหรอก” ผมส่งยิ้มอ่อนไปให้ คยองซูกับชานยอลแต่งงานกันทันทีหลังคยองซูออกจากโรงพยาบาลได้อาทิตย์เดียว แล้วตอนนี้เพื่อนตัวเล็กของผมก็กำลังมีเจ้าตัวเล็กที่เป็นเหมือนโซ่ทองคล้องใจสองดวงไว้เป็นหนึ่งเดียวกัน ผมลูบหน้าท้องที่อดีตเคยแบนราบแต่ตอนนี้กลับเต่งตึงเพราะมีหนึ่งชีวิตอยู่ในนั้น ในอนาคตผมก็เองก็ต้องตั้งท้องลูกของจงอินไว้ในเช่นกัน เพียงแค่คิดใจผมก็เต้นแรงเสียแล้ว
            “หลานของลุง สบายดีไหมครับ?” ผมแนบหูเข้าหน้าท้องดึงใต้ชุดคลุมท้องสีเรียบ คยองซูมองผมอย่างเอ็นดู
            “อีกกี่สัปดาห์จะคลอดเหรอคยองซู”
            “อีกสองสัปดาห์ก็ครบกำหนดพอดี ถามอย่างนี้ อยากเจอหน้าหลานแล้วล่ะสิ”
            “ก็ใช่น่ะสิ นี่หลานคนแรกเลยนะ”
            “ฮ่าๆๆ รอก่อนนะครับคุณลุงเซฮุน เดี๋ยวก็ได้เจอกันแล้ว” ผมกับคยองซูมองหน้ากันก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ ทำให้จงอินที่คุยอยู่กับชานยอลหันมามองเราสองคนตาเดียว
            “คุยอะไรกันอยู่เหรอสองคน?” พ่อของผมที่เพิ่งคุยกับแขกในงานเสร็จเดินมาหาผมที่นั่งอยู่ มือที่เหี่ยวไปตามกาลเวลาบีบไหล่ผมเบาๆ
            “เปล่าหรอกครับพ่อ เราก็คุยกันไปเรื่อย” คยองซูตอบ พ่อของผมท่านเอ็นดูคยองซูเหมือนเป็นลูกอีกคน เราสองครอบครัวเริ่มสนิทกันมากขึ้นหลังเหตุการณ์ทุกอย่างผ่านพ้นไป แม้ว่าพ่อของคยองซูจะมัวยุ่งกับงานจนแทบไม่มีเวลาว่าง แต่ท่านก็มักจะเจียดเวลามากินข้าวกับพวกเราเสมอเวลาว่าง
            “งั้นเหรอ เซฮุน ถ้าไม่มีอะไรแล้วพ่อกลับก่อนนะ พรุ่งนี้พ่อมีประชุมเช้า” ผมพยักหน้ารับ ผมหันกลับมาคยองซูอีกครั้งเมื่อเห็นว่าทั้งพ่อของผมและพ่อของคยองซูเดินออกไปจากห้องที่ใช้ทำพิธี จนทั้งห้องเหลือเพียงคยองซู ชานยอล จงอินและผม
            “ว่าแต่แกตั้งชื่อให้หลานหรือยังชานยอล” จงอินถามขึ้น ผมจึงหันไปมองคยองซูอย่างนึกขึ้นได้
            “ฉันไม่ได้เป็นคนตั้งหรอก แม่เขาโน่นเป็นคนตั้ง” ชานยอลตอบพร้อมกับบุ้ยปากมาทางคยองซูที่นั่งยิ้มไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่ จงอินเลยหันมาถามคนที่นั่งข้างผมแทน
            “หลานชื่ออะไรเหรอคยองซู แล้วเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย”
            “หลานเป็นผู้หญิง ชื่อบยอลครับคุณจงอิน”
            “บยอลที่แปลว่าดวงดาวน่ะเหรอ” คยองซูพยักหน้ารับ
            “ทำไมถึงชื่อบยอลล่ะ คงจูก็เพราะนะ” คราวนี้เป็นผมที่ถาม ผมชอบชื่อคงจูที่แปลว่าเจ้าหญิงมากกว่า เพราะสำหรับผมแล้ว ลูกสาวก็คือเจ้าหญิงตัวน้อยๆ ที่เราอยากเลี้ยงดูและปกป้องเขาให้ดีที่สุด เพื่อรอวันที่เขาจะได้พบกับเจ้าชายที่มีคุณสมบัติเพรียบพร้อมที่เราจะยกเจ้าหญิงตัวน้อยให้โดยหมดห่วง
            “เพราะว่าลูกคือของขวัญจากดวงดาว บอยลคือของขวัญจากฟ้าที่พระเจ้าประทานให้ฉัน บยอลไม่ใช่เพียงแค่พยานรักของฉันกับชานยอล แต่บยอลคือส่วนสำคัญที่เติมเต็มคำว่า ครอบครัว ของฉันกับชานยอลให้สมบูรณ์” ผมมองสายตาที่คยองซูส่งไปให้ชานยอลตอนอธิบายที่มาของชื่อ ภาพเหตุการณ์ความรักระหว่างคยองซูและชานยอลลอยเข้ามาในหัวผมทันที กว่าสองคนนี้จะลงเอยกันต้องผ่านอุปสรรคและความเจ็บปวดมามากมายจนผมที่เป็นเพียงคนนอกยังสงสาร สองคนนี้มีใจที่เข้มแข็งและทำเกิดมาเพื่อเป็นของกันและกัน แม้ตอนแรกความรักของคนทั้งคู่ดูไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่เพราะหลานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และความใกล้ชิดที่สองคนมีให้กัน ทำให้หัวใจทั้งสองดวงค่อยๆ เปิดออกทีละนิด กว่าจะรู้ตัวทั้งสองก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันไปแล้ว
            “ความหมายดีจัง” จงอินพูดออกมาเบาๆ
            “เซฮุนครับ จงอินอยากมีลูกแล้ว เราไปทำลูกกันเถอะบยอลจะได้มีเพื่อนเล่นด้วยไง”
            “จงอิน!” ผมเรียกชื่ออีกสามีหมาดๆ เสียงดัง คยองซูและชานยอลผมอย่างล้อเลียน
            “ฮ่าๆๆ ที่จงอินพูดก็ถูกนะ” ชานยอลพูดพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง ผมตวัดตามองขวับ แต่อีกฝ่ายไม่ได้มีท่าทีเกรงกลัวเลยสักนิด
            “ฉันว่าฉันกลับดีกว่า ดึกแล้ว รบกวนเวลาบ่าวสาวสวีตกัน” คยองซูว่าพร้อมกับยืนขึ้น ชานยอลปรี่เข้ามาพยุงว่าที่คุณแม่คัวน้อยอย่างรู้งาน
            “ให้ฉันไปส่งไหม?”
            “ไม่ต้องหรอก ฉันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายส่งเซฮุนเข้าหอ”
            “เอางั้นเหรอ” ผมถามเพื่อความแน่ใจ คยองซูพยักหน้ารับ เราสี่คนจึงเดินออกมาพร้อมกัน ก่อนจะหยุดลงที่หน้าลิฟต์
            “ส่งฉันแค่นี้ก็พอแล้วคยองซู นายท้องแก่ ขึ้นที่สูงมากไม่ดีหรอก” คยองซูพยักหน้ารับ
            “งั้นฉันไปก่อนนะเซฮุน รีบมีเจ้าตัวน้อยเร็วๆ ล่ะ อย่าให้บยอลต้องรอนานนะ” คยองซูพูดแค่นั้นก่อนจะหันหลังเดินจากไป พร้อมกับทิ้งระเบิดก้อนโตไว้ให้ ผมหันไปมองหน้าจงอินที่ยืนอยู่ข้างๆ ก่อนจะพากัน
เดินเข้าลิฟต์ที่มาถึงชั้นที่เราสองคนยืนอยู่พอดี ตลอดทางตั้งแต่ที่เราขึ้นลิฟต์มาจนเข้าห้อง ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาแม้แต่น้อย ผมเดินตามจงอินเข้าไปในส่วนที่เป็นห้องนอน สูทสีเข้มถูกถอดพาดไว้ที่เก้าอี้ พร้อมกับเนคไทที่ถูกวางไว้ใกล้กัน จงอินที่ปลดกระดุมเสื้อออกพอให้สบายตัวแล้วหันมาหาผมที่ยืนตัวแข็งอยู่หน้าประตู
            “เซฮุนจะอาบน้ำก่อนไหมครับ?” ผมเงยหน้ามองสบดวงตาคม สายตาของจงอินไม่ได้บอกความต้องการอื่นใด จงอินให้เกียรติผมเสมอ หลังจากงานหมั้น เราสองคนไม่เคยมีอะไรกันเลย นั่นจึงทำให้ผมรู้สึกประหม่าไม่น้อยเมื่ออยู่ด้วยกันเพียงสองคน ในวันที่บรรยากาศเป็นใจเช่นนี้
            “ยังครับ” ผมบอกเสียงเรียบ จงอินพยักหน้ารับ
            “งั้นเซฮุนจะอาบตอนไหนก็บอกนะครับ จงอินจะได้เตรียมน้ำอุ่นไว้ให้” จงอินบอกก่อนจะหันหลังเดินไปนั่งพักที่เตียง
            “จงอินครับ” ผมเรียก จงอินหันกลับมามองผมด้วยความสงสัย
            “ผมอาบน้ำให้นะครับ” ผมเดินเข้าไปหาจงอิน กระดุมเสื้อเชิ้ตถูกปลดออกทีละเม็ด ทีละเม็ดจนหมด เสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตาหล่นลงไปกองกับพื้น ก่อนจะตามไปด้วยเข็มขัดและกางเกงสแล็ค ผมสบตาจงอินนิ่งพร้อมกับค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าออกจากตัวทีละชิ้น จนร่างกายของเราทั้งคู่ไร้
ซึ่งอาภรณ์ปกปิด ผมโน้มคอจงอินให้เข้ามาใกล้แล้วประทับริมฝีปากลงไป ริมฝีปากอิ่มเล็มเลียริมฝีปากผมอย่างละเมียด แขนแกร่งโอบรอบเอวผมก่อนจะดึงให้ตัวเราสองคนชิดกันมากกว่าเดิม ลิ้นเราสองคนผลัดกันแลกเปลี่ยนความหวานซึ่งกันและกัน ผมสัมผัสแผ่นอกแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม หน้าอกข้างซ้ายของจงอินเต้นแรงไม่ต่างจากของผม เพราะห่างหายเรื่องอย่างว่าไปนานทำให้ร่างกายของผมเรียกร้องสัมผัสแสนร้อนแรงจากจงอินอย่างบ้าคลั่ง
            ผมรุกจงอินหนักขึ้นเพราะกามอารมณ์ที่พุ่งพล่านขึ้นจนยากควบคุม แก่นกายกลางลำตัวผมปวดหนึบไปหมดจนทนไม่ไหว ผมละออกจากจงอินออก ผลักอีกฝ่ายให้ล้มลงไปบนเตียงนอนนุ่ม ก่อนจะตามไปค่อมอย่างรวดเร็วแล้วก้มลงประกบปากอีกครั้งเหมือนคนอดอยาก ผมจับท่อนเอ็นที่เริ่มแข็งตัวของจงอินไว้มั่นแล้วชักมันขึ้นลงอย่างรวดเร็ว จงอินผละออกจากผมแล้วแหงนหน้าครางออกมาเสียงกระเส่า
            “อ่าส์ เซฮุนอย่าครับ จงอินเสียว” เสียงที่เบาเหมือนกระซิบทำให้อารมณ์ของผมพุ่งมากกว่าเดิม ผมล่นตัวลงแล้วดูดเม้มหัวนมสีเข้มจนมันเกิดเสียงดัง ผมลากริมฝีปากผ่านช่วงลำตัวของจงอินลงมา เอวสอบเด้งรับเมื่อแก่นกายที่พองตัวเต็มที่ถูกผมกอบกุมไว้ ขนาดของมันใหญ่คับปากจนผมไม่สามารถอมมันไว้ได้หมด ผมรูดมันขึ้นและลงเหมือนทุกครั้งที่ผมมักทำเวลาเรามีอะไรกัน มือหนากำผ้าปูที่นอนแน่นเมื่อผมใช้ฟันครูดเบาๆ ไปตามท่อนเอ็นที่ขึ้นเส้นเลือดปูด ปลายดอกเห็ดสุกเต็มที่ สีของมันแดงก่ำพร้อมหลั่งน้ำสีขาวขุ่นออกมาทุกเมื่อ ผมจูบมันเบาๆ ปลายลิ้นแตะที่ยอดแก่นกายที่ฉ่ำไปด้วยน้ำรัก แล้วจัดการรูดมันอีกครั้ง
            “อ่าส์” เสียงครางสุดท้ายดังขึ้นพร้อมกับน้ำกามที่พุ่งจนเลอะเต็มหน้าขาจงอินไปหมด คนที่เสร็จไปแล้วหนึ่งรอบลุกขึ้นแล้วจับผมให้นอนคว่ำอย่างรวดเร็ว แขนแกร่งจับขาผมให้แยกออกจากกันก่อนนิ้วใหญ่จะสอดเข้ามาที่ช่องทางรักที่ไม่ได้ผ่านการใช้งานมานาน
            “ซี้ด” ผมครางออกมาระบายความเสียวที่แล่นมาถึงขั้วหัวใจยามที่อีกฝ่ายชักนิ้วเข้าออก สะโพกงอนกระดกขึ้นรับสัมผัส ตัวตนที่แข็งชูชันของผมถูกกำไว้หลวมๆ ผมชักมันขึ้นลงด้วยความเร็ว เพียงไม่ผมก็ถึงปลายสวรรค์สมใจ ผมพลิกตัวกลับมาหาจงอินแล้วยันตัวให้อยู่ในท่านั่ง จงอินกอดผมไว้แน่นแล้วอุ้มผมขึ้นจนตัวลอย ขายาวก้าวลงจากเตียงก่อนจะเดินตรงไปที่ห้องน้ำ จงอินวางผมบนพื้นที่ว่างข้างอ่างล้างหน้า ส่วนตัวเองก็จัดการเติมน้ำใส่อ่าง จงอินเดินกลับมาหาผมระหว่างที่รอให้น้ำเต็มอ่าง แขนแกร่งท้าวขอบอ่างล้างน้ำค่อมตัวผมไว้ ใบหน้าคมเสยมองผมด้วยสายตาอ่อนโยน ผมก้มลงไปจูบปากอิ่มนั่นแล้วผละออกอย่างรวดเร็ว จงอินอมยิ้มน้อยๆ มือหนาขยี้หัวอย่างเอ็นดู
            “ขอบคุณนะครับเซฮุน”
            “ขอบคุณอะไรเหรอครับ” ผมเอียงคอถาม
            “ก็ขอบคุณที่รับรักของพี่ไง เซฮุนจำวันที่เรามีอะไรกันครั้งแรกแล้วพี่ขอเซฮูนเป็นแฟน แต่เซฮุนปฏิเสธพี่ได้ไหม?” ผมนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์วันนั้นแล้วพยักหน้ารับ
            “จำได้ครับ ทำไมเหรอ?”
            “วันนั้นหลังจากพี่กลับ เราสองคนก็มัวแต่ยุ่งจนไม่ได้คุยกัน ตอนนั้นพี่กลัวมากเลยนะ”
            “กลัวอะไรเหรอครับ”
            “กลัวว่าเซฮุนจะหมดรักพี่แล้วไง” จงอินพูดเสียงแผ่ว
            “จงอิน” ผมเรียก จงอินเงยหน้าขึ้นมองผม ขอบดวงตาอิ่มแดงก่ำเหมือนคนร้องไห้ ผมกุมใบหน้าหล่อไว้อย่างอ่อนโยน
            “ผมขอโทษนะครับที่วันนั้นปฏิเสธจงอินไป ตอนนั้นผมแค่กลัวว่าความสัมพันธ์ของเราสองคนจะเปลี่ยนไป…” ผมจับมือใหญ่ไว้แน่น แล้ววางมันบนอกข้างซ้ายที่ยังเต้นแรงของตัวเอง “…ตอนนั้นที่เราไปไหนมาไหนด้วยกันผมมีความสุขมากเลยนะครับ ชีวิตสีเทาของผมดูมีสีสันขึ้นเมื่อมีจงอินเข้ามาในชีวิต และตอนนี้ผมก็มีความสุขมากเท่าที่ชีวิตของคนคนหนึ่งจะมีได้” ผมบอกความในใจทุกอย่างให้จงอินฟัง เราสองคนสบตากันนิ่งโดยไม่มีใครพูดอะไร จงอินดึงผมเข้าไปกอด ผมหลับตาพริ้มรับอ้อมกอดอบอุ่นทุกครั้งที่ได้สัมผัส เสียงน้ำที่ลล้นออกมานอกอ่างทำให้เราผละออกจากก่อนจะมองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ
            “ฮ่าๆๆ พี่ว่าเราอาบน้ำกันดีกว่า ดึกแล้วเดี๋ยวจะป่วยเอาได้” ผมยื้อแขนที่กำลังดึงผมไปที่อ่างอาบน้ำ จงอินหันมามองผมด้วยความสงสัย
            “มีอะไรหรือเปล่าครับเซฮุน?”
            “เอ่อ จงอินไม่ทำต่อแล้วเหรอครับ” ผมถามโดยไม่มองหน้า ความรู้สึกและอารมณ์ที่ยังค้างอยู่คงทำให้ผมนอนไม่หลับแน่ในคืนนี้ จงอินเองก็คงไม่ต่างกัน เพราะตัวตนของอีกฝ่ายยังชูชันสวนกับแรงโน้มถ่วงโลกอยู่เลย จงอินเดินเข้ามาหาผมแล้วจัดการอุ้มผมลงไปในอ่างอาบน้ำ ผมมองจงอินที่หย่อนตัวจามลงมาอย่างงงๆ และแอบเสียดายในคราวเดียวกัน มือหนาขยี้หัวผมอย่างหมั่นเขี้ยวในท่าทางเหงาหงอยของผม
            “ทำไมทำหน้าอย่างนั้นละครับเซฮุน”
            “เปล่าครับ” ผมปฏิเสธ จะให้บอกได้ไงว่าผมอย่างต่อให้จบ ภาพลักษณ์ผมคงเสียหายกันหมด
            “ไม่ต้องมาปฏิเสธเลย หน้าเรามันบอกหมดแล้ว” ผมเงยหน้ามองจงอินทันที นี่ผมไม่เนียนขนาดนั้นเลยเหรอ
            “จงอิน” ผมเรียกเสียงอ่อย อาการปวดหนึบที่กลางลำตัวไม่มีท่าทีทุเลาลงจนผมแทบทนไม่ไหว จงอินดึงผมให้เข้าไปใกล้แล้วกดริมฝีปากลงมาหนักๆ ผมจูบตอบทันทีด้วยความหื่นกระหาย ไฟราคะในตัวที่ใกล้มอดถูกจุดขึ้นมาอีกครั้ง จงอินจับผมหันหลังให้อยู่ในท่ายืนเข่าแล้วแยกขาผมให้ออกจากกัน ปลายดอกเห็ดสีแดงสดจ่ออยู่ที่ปากทางรัก จงอินถูมันขึ้นลงก่อนจะดันเข้ามาในตัวของผม ผมจิกขอบอ่างแน่น ความเจ็บปวดและความเสียงซ่านตีกันมั่วไปหมด แม้จงอินจะใช้นิ้วทำกับผมมาก่อนหน้านั้นแต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้ช่องทางผมชินสักนิด เพราะตัวตนของจงอินมันใหญ่กว่านั้นหลายเท่า สะโพกงามเคลื่อนตัวช้าๆ ขยับเข้าและออกเนิบนาบให้ผมชิยเสียก่อน จากความเจ็บปวดเปลี่ยนเป็นเสียวซ่านด้วยเวลาเพียงไม่นาน
            “ซี้ด อ่าส์ จงอิน เอาอีก แรงๆ ใส่มาอีก” คำขอได้รับการตอบสนอง สะโพกแกร่งขยับสวนเข้าออกเร็วและแรงจนน้ำในอ่างกระฉอกออกไปข้างนอก
            “อ่าส์ เซฮุน จงอินใกล้แล้ว” ผมกัดปากแน่นยามที่อีกฝ่ายขยับสะโพกให้เร็วขึ้น ปลายสวรรค์ที่ผมและจงอินเดินทางร่วมกันมาอยู่ตรงหน้าแล้ว ผมจับมือใหญ๋ที่อยู่ตรงเอวผมไว้แล้วบีบจนแน่น
            “อ่าส์ / อ่าส์” ผมกับจงอินครางออกมาพร้อมกัน การเดินทางสิ้นสุดลง ผมทิ้งตัวกับอ่างน้ำอย่างหมดแรง จงอินอุ้มผมขึ้นแล้วพาผมออกไปข้างนอก ลำคอหนาถูกผมคล้องไว้ ผมออกแรงกระตุกเล็กน้อย ใบหน้าคมก้มลงมองผมด้วยความสงสัย
            “มีอะไรเหรอครับเซฮุน” ผมไม่ตอบ แต่ใช้การกระทำสื่อความหมายแทน ริมฝีปากอิ่มถูกจูบเบาๆ จงอินยิ้มออกมาบางๆ แต่อบอุ่น
            “นี่คือรางวัลและคำขอบคุณจากผมครับ” ผมยิ้ม จงอินก้มหน้าลงแตะหน้าผากของเราเข้าด้วยกัน แขนแกร่งวางผมลงบนเตียงช้าๆ ผมมองร่างสูงที่ล้มตัวนอนข้างกันผ้าห่มผืนหน้าถูกยกขึ้นห่มร่างกายเปลือยเปล่าของเราสองคนเอาไว้ จงอินดึงผมเข้าไปกอดแล้วจุมพิตลงบนกระหม่อม ผมซุกตัวเข้ากับแผ่นอกแกร่งเหมือนเด็กน้อย ก่อนจะหลับตาลงช้าๆ แล้วเข้าสู่ห้วงนิทราไป
            ขอบคุณที่รักคนอย่างผมนะครับจงอิน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

MY : Episode 19 'Thank You' -END-

Abuse n Victim EP.1 warning!!!